วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2558

'กฤษณา' ราชาเครื่องหอม สมุนไพร "ของที่มีค่าหายาก ราคาแพงดั่งทองคำ"


'กฤษณา' ราชาเครื่องหอม สมุนไพร

ดูแลสุขภาพ : 'กฤษณา' ราชาเครื่องหอม สมุนไพร

 
                          ไม้กฤษณา ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Aquilaria crassna Pierre ex Lec.  ชื่อวงศ์  THYMELAEACEA เป็นไม้ที่มีตำนานกล่าวขวัญกันมาช้านาน ทั้งในฐานะ "ของที่มีค่าหายาก" เป็นที่ต้องการของสังคมชั้นสูงทั่วโลก และ "ราคาแพงดั่งทองคำ" ดังนั้น ไม้กฤษณาจึงเป็นสินค้าต้องห้ามสำหรับประชาชนทั่วไปเพราะมีกฎหมายให้ค้าขายได้เฉพาะพระมหากษัตริย์มาตั้งแต่โบราณ นับตั้งแต่ต้นกรุงศรีอยุธยา สยามส่งไม้กฤษณาทั้งที่เป็นเครื่องราชบรรณาการและเป็นสินค้าไปเมืองจีนมาตั้งแต่กรุงสุโขทัย และเป็นที่ต้องการของราชสำนักจีนมาก ซึ่งนอกจากจีนและญี่ปุ่นแล้ว เรือสำเภาที่มาค้าขายจากฝั่งตะวันตกก็ยังได้นำเอาสรรพคุณของกฤษณาทั้งด้านความหอมและสรรพคุณทางสมุนไพร ลือไปไกลถึงคาบสมุทรอาหรับในตะวันออกกลางและยังไปถึงอาณาจักรกรีก โรมัน อียิปต์โบราณ ยุคนั้นไม้กฤษณาที่เป็นสินค้าที่มีราคาแพงมาก และผลิตผลจากต้นกฤษณาก็มีเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น ดังนั้นไม้กฤษณาจึงเป็นสัญลักษณ์ของสุวรรณภูมิหรือประเทศไทยในปัจจุบัน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าขายกฤษณามานาน
 
                          ไม้กฤษณาชนิดที่ดีที่สุดในโลกนั้น พบหลักฐานในสมัยอยุธยา ในจดหมายของบริษัทอินเดียตะวันออก พ.ศ. 2222 ระบุว่า คือไม้หอมกฤษณาจากบ้านนา ซึ่งปัจจุบันอยู่ในจังหวัดนครนายก หรือแต่เดิมก็คือป่าแถบดงพญาไฟเทือกเขาใหญ่ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไม้หอมเพื่อการส่งออกมาแต่อดีต ไม้กฤษณา หรือไม้หอมบนเขาใหญ่ เป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทยและยังมีการเก็บหามาถึงปัจจุบัน เพราะเป็นที่ต้องการกลิ่นดั้งเดิมที่คุ้นชิน แม้ว่าจะมีสวนป่ากฤษณาปลูกขึ้นมากมายแต่คุณภาพไม่ดีเท่าจากป่าธรรมชาติ การลักลอบทำผิดกฎหมายจึงยังมีอยู่ คดีการจับไม้กฤษณาบนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ของทั้งทางจังหวัดนครนายกและจังหวัดปราจีนบุรีจึงยังมีอย่างต่อเนื่อง
 
                          คนไทยรู้จักใช้ไม้กฤษณามานาน ดังที่ปรากฏในตำรายาพระโอสถสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พ.ศ.2202 กล่าวถึงตำรายาที่เข้ากับกฤษณาหลายชนิด เช่น 
 
                          "มโหสถธิจันทน์นั้นเอาสมุลแว้ง ดอกมะลิ สารภี พิกุล บุนนาค เกสรบัวหลวง เกสรสัตบงกช จันทน์ทั้ง 2 กฤษณา กระลำพัก ขอนดอก แฝกหอม ตะนาว เปราะหอม โกฐหัวบัว เสมอภาค น้ำดอกไม้เป็นกระสาย บดทำแท่งละลายน้ำซาวข้าว น้ำดอกไม้ ก็ได้ รำหัดพิมเสนชโลม ถ้ากินแรกขัณฑสกรลงด้วย แก้พิษไข้สันนิบาต อาการตัวร้อนหนัก สรรพไข้ทั้งปวงหายสิ้นแลฯ" เป็นต้น
 
     
                 
  โดยตำรายาไทยยังระบุอีกว่า กฤษณารสขมหอม สุขุม คุมธาตุ บำรุงโลหิตในหัวใจ (อาการหน้าเขียว) บำรุงหัวใจ บำรุงตับปอดให้เป็นปกติ แก้ลมวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด แก้ลมซาง แก้ไข้ อาเจียน ท้องร่วง บำบัดโรคปวดตามข้อ ตำรับยาที่เข้ากฤษณามีหลายชนิด โดยเฉพาะในตำรับยาหอม ยากฤษณากลั่นตรากิเลน สรรพคุณส่วนใหญ่ใช้บำบัดอาการปวดท้อง ท้องเสีย จุกเสียด แน่น แก้ลม วิงเวียน หน้ามืดตาลาย คลื่นเหียน อ่อนเพลีย บำรุงหัวใจ ขับลมในกระเพาะลำไส้ บำบัดโรคปวดท้อง 
 
                          ในตำรายาไทยถือว่ากฤษณาเป็นราชาของเครื่องหอมไทย หมอพื้นบ้านใช้ปรุงเป็นยาหอมแก้ลมหน้ามืดวิงเวียน ผสมในเครื่องหอมทุกชนิด ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องหอม เช่น ธูปหอม น้ำอบไทย ใช้สุมศีรษะแก้ลมทรางสำหรับเด็ก รับประทานให้ชุ่มชื่นหัวใจ น้ำมันกฤษณามีคุณสมบัติที่ทำให้กลิ่นหอมติดทนนาน ทำให้กลิ่นหอมต่างๆ มีความหวานละมุนละม่อมขึ้น จึงนิยมใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอมที่มีราคาแพง  ในแถบตะวันออกกลาง และบางประเทศในทวีปยุโรป นิยมนำเอาแก่นกฤษณา มาเผาในเตาขนาดย่อม ที่ออกแบบสวยงามเป็นพิเศษ สำหรับการเผาไม้กฤษณาโดยเฉพาะเพื่อให้ควันและกลิ่นหอมของกฤษณาติดผิวหนัง หรือสูดดมควันเพื่อเป็นยารักษาโรคหัวใจ และกลิ่นนั้นสามารถป้องกันแมลงหรือไรทะเลทรายที่จะมากัดจนเกิดแผลพุพองได้ ชาวมุสลิมที่มีฐานะดี นิยมปรุงแต่งผิวกายด้วยน้ำหอมจากไม้กฤษณาให้หอมติดทน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร รวมถึงยังมีการใช้ไม้กฤษณาต้อนรับแขกผู้มาเยือน ซึ่งถือว่าเป็นการให้เกียรติแขกอย่างสูง อันเป็นวัฒนธรรมของชนชาวมุสลิมแถบตะวันออกกลาง
 
                          ในปัจจุบันกฤษณายังเป็นสมุนไพรที่ราคาแพงที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง มีการประชุมนานาชาติที่เกี่ยวกับกฤษณาโดยเฉพาะ มีการศึกษาวิจัยวิธีที่จะทำให้เกิดเรซินของกฤษณา ผู้ที่สนใจกฤษณาไม้หอมมากสรรพคุณ ซึ่งเป็นสมุนไพรประจำถิ่นของจังหวัดในภาคกลาง อย่าง นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี ระยอง ตราด และ อีกหลายพื้นที่ในประเทศไทย
 
ขอขอบคุณข้อมูล :http://www.komchadluek.net/โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
 

 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น